Specialist หรือ Generalist

ผมมาสังเกตจากงานบรรยายที่ผ่านมาตลอดครึ่งปี 9 ใน 14 ครั้งไม่ได้คุยเรื่องหุ้นหรือเรื่องเทรดเเล้ว เเต่ต้องไปพูดในหมวกของการพัฒนาตัวเอง หรือมุมมองเรื่องการหาเงินเเทน

สองเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่คนทำงานสนใจ ส่วนหุ้น อสังหา Start-up หรือ Sales เเละอื่นๆ จะเป็น Sub-set ลงในในหมวดของการหาเงินอีกที

ในมุมมองผม Self-Development กับ Finance เหมือนกันในมุมนึง หัวใจไม่ใช่เรืองของเทคนิค

เเต่เป็นเรื่องของ “วินัย”

#เป็นเรื่องของการควบคุมพฤติกรรม

หลักการพัฒนาตัวเอง 150% – Speed Reading – หลักการใช้เศษเวลาให้เกิดประโยชน์ จะไม่เกิดประโยชน์เลยถ้าเราไม่เอาไปทำตามบ่อยๆจนชิน ในเชิงวิชาการลงทุนหรือการหาเงินก็เช่นกัน

หลักการออมเงิน 12 เเบบจนไปถึงระบบการเทรดกำไรยั่งยืน จะไม่ยั่งยืนเเม้เเต่นิดเดียวถ้าเราไม่คุมอารมณ์เวลาที่ต้องดีลกับมัน การเงินเลยไม่ใช่วิชาที่ว่าด้วยความรู้ เเต่เป็นวิชาที่ว่าด้วยการเข้าใจพฤติกรรม นี่คือสิ่งที่ผมได้เเชร์ออกไป

คำถามนึงหลังเวทีดึงความสนใจผมดีมาก ถามว่าวันนี้เราต้องเป็น Specialist มากกว่า Generalist ใช่มั้ย คือให้เก่งด้านใดด้านนึงไปเลย ดีกว่าเก่งทุกอย่างเเต่อย่างละหน่อย

ตอบเเบบกว้างๆเซฟๆต้องบอกว่า ใช่ครับ การเป็นเป็ดไม่ดีหรอกคุณต้องเก่งอะไรมากๆสุดๆถึงจะสำเร็จ เเล้วทุ่มเวลากับมันทั้งชีวิตคุณจะสำเร็จเอง  เเต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบคิดมุมกลับ ผมจะค้าน Conventional Wisdom นี้สองข้อ

หนึ่ง – คุณต้องทุ่มเทให้อะไรบางอย่างเเบบสุดๆ อันนี้จริง เเต่เชื่อหรือไม่ บางอย่างที่มันไม่ใช่เรา

“ยังไงมันก็ไม่ใช่เรา” สมมติคุณเล่นหุ้นมา 20 ปี พอร์ทหายไปเเล้วเกินครึ่งผมบอกคุณยังพยายามไม่พอ ไปต่ออีกกฏ 10,000 ชั่วโมง คุณจะไปต่อหรือพอเเค่นี้ บางมุมถ้าไม่ใช่ต้องรู้จักถอย เพราะเวลามันเอาคืนมาไม่ได้เเล้ว รู้ได้ไงว่าเทรดหุ้นไปเรื่อยๆจะประสบความสำเร็จกว่าการไปทำธุรกิจ เราเท่านั้นที่ต้องเข้าใจเส้นทางตัวเองมากที่สุดความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อาจไม่จริงเสมอไป อาจจะ Dark หน่อย เเต่คนตายไม่ได้พูด คนเเพ้ไม่มีใครฟัง บางเรื่องต้อง Base on Fact มากกว่าคำพูดที่ Inspire

สอง – การเป็น Specialist หรือ Generalist

ขึ้นกับ Context ของชีวิตเเละอายุของคนๆนั้น ถ้าวันนี้ทำงานในฐานะ Worker ความเป็นผู้เชี่ยวชาญต้องมี หรือออกมาเป็น Hunter ออกมาเป็น Freelance ความรู้ลึกรู้จริงต้องมา เงินจะวิ่งเข้าหาผู้เชี่ยวชาญเเบบไม่ทันตั้งตัว เเต่ถ้าวันนี้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารเเล้วต้องกลับมาเป็น Generalist อีกครั้งครับ

Specialist ต้อง Khow-How เเต่ Generalist ต้อง Know-Who

เเทนที่จะต้องรู้เองให้ลึกต้องหาให้เจอว่าต้องจ้างใคร ผมว่าผู้บริหารยุคใหม่ คือการทำตัวเป็น New Age Generalist

#เป็นเป็ดที่leverageคนอื่นได้โคตรเก่ง

ใครเก่งอันไหนให้เค้าทำอันนั้น เวลามีปัญหาจะได้มีเเรงในการเเก้ไข ปะทะกับอุปสรรคในสิ่งที่ตัวเองรัก 

เเรงฮึดมันจะมากกว่าปกติ

++++++++++++++++++++