เป้าหมายราคาทองของใครเเต่ละคนสุดเเล้วเเต่ “จินตนาการ” เเต่ต่อให้ราคาทองในระยะสั้นจะผันผวนเเค่ไหนก็ตาม ถ้าเอา “ความเป็นจริง”มาคุยกัน เราจะเห็นภาพใหญ่ที่ชัดเจน
สิ่งที่จะดันให้ราคาทองให้วิ่งขึ้นอย่างรุนเเรงในเชิงพื้นฐานจริงๆมีสามเรื่องครับ
ดอลล่าร์ ดอกเบี้ย เเละ ความวิตกกังวล
…………………………………………………………………………………
มาว่ากันทีละเรื่อง
1. ดอลล่าร์
ว่ากันด้วยหลัก Demand- Supply เเบบไม่ต้องคิดเยอะ อะไรก็ตามที่ Supply มากขึ้นผิดปกติ เเต่ Demand ยังคงที่เท่าเดิม จะส่งผลให้ราคาลดลง
เปรียบเทียบให้เห็น Supply ของดอลล่าร์ที่บวมขึ้นจากนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ย่อมส่งผลให้ราคาหรือมูลค่าของดอลล่าร์ลดลง ซึ่งก็คือการอ่อนค่าของดอลล่าร์
เเละการอ่อนค่าของดอลล่าร์ พูดในอีกเเง่คือการที่เราต้องใช้ดอลล่าร์มากขึ้นในการซื้อทอง 1 Unit สะท้อนมาที่ราคาทองคำเเพงขึ้นนั่นเอง

ที่สำคัญคือไม่ใช่เเค่ FED เเต่ธนาคารกลางสำคัญๆทั่วโลกอย่าง ECB เเละ BOJ ก็ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างเข้มข้นไม่เเพ้กัน เห็นได้ปริมาณงบดุลของธนาคารกลางทั่วโลกสูงขึ้นในอัตราเร่งเดียวกัน

เเละนี่คือที่มาของราคาทองคำที่พุ่งขึ้นในทุกสกุลเงินหลักทั่วโลก (Currency Debasement )
…………………………………………………………………………………
2. ดอกเบี้ย
สมการสำคัญของราคาทองคำที่ต้องจำครับ
Real Yield = Nominal Yield – Inflation ผลตอบเเทนที่เเท้จริง = ผลตอบเเทนทั่วไป ลบด้วย เงินเฟ้อ
ถ้าเราได้ปันผลปีละ 2 % เเล้วเงินเฟ้อ 1 % เท่ากับว่า Real Yield ปีนั้นเราได้ 1 %
ถ้าเราได้ปันผลปีละ 2 % เเต่เจอเงินเฟ้อ 3 %เท่ากับว่า Real Yield ปีนั้นเราติดลบ 1 %
อย่างหลังนี่คือขาดทุนนะครับ
เนื่องจากทองคำไม่มีปันผลเเละเป็นสินค้าที่เล่นกับส่วนต่างราคาล้วนๆ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดสภาวะดอกเบี้ยต่ำจนถึงติดลบ
จะเป็นสภาวะที่เอื้อกับราคาทองคำมาก
…………………………………………………………………………………
3. ความวิตกกังวล
ความวิตกกังวลในที่นี้ไม่ใช่เเค่เรื่องของความกลัวสงคราม ความกลัวตลาดหุ้นตก เเต่มันคือความกลัวเเละวิตกกังวลในมูลค่าของสินทรัพย์มีอยู่ในมือ
ทองคำไม่จำเป็นต้องมีการรับรองจากรัฐบาลไหนว่ามีมูลค่า เเละทองคำมีมูลค่าในตัวของมันเอง
รายย่อยไม่เท่าไหร่ครับ เเต่สถาบันหรือกองทุนที่ถือเงินปริมาณมหาศาลมันเเทบจะบีบให้ต้องซื้อทองคำเพื่อประกันความเสี่ยง
( Hedging ) กับทั้งค่าเงินเเละสินทรัพย์อื่นๆเช่นพันธบัตร
ถ้าพันธบัตรซึ่งว่ากันว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยถูกประกันด้วยรัฐบาลที่ฐานะการคลังขาดดุลต่อเนื่องอีกทั้งเป็นหนี้รวมเเล้วกว่า 26 ล้านล้านเหรียญเเละกำลังจะสูงกว่าปริมาณหนี้ที่ก่อในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คงบอกว่าเป็น Safe Haven ได้ไม่เต็มปาก
Should Buy กับ Must Buy
มันเลยให้ความรู้สึกคนละเรื่อง
มองให้ลึกลงไปอีกหน่อย..
ในมุมรายย่อยเเละสถาบันยังอาจเป็นเเค่ในเรื่องของ”ผลตอบเเทน” เเต่หากมองระดับประเทศ การรักษากำลังซื้อเเละมูลค่าของสินรัพย์ในประเทศมันสะท้อนถึงระดับ”ความมั่นคง”
ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมจีนเเละรัสเซียถึงมีการซื้อทองคำเเท่งเก็บเข้ามาเป็นทุนสำรองมากขึ้น
…………………………………………………………………………………
เพราะฉะนั้นจากนี้ไปถ้ายังมีคำถามว่าทองยังจะขึ้นต่อรึเปล่าก็ให้ย้อนกลับมาดูที่สามปัจจัยที่ว่ามาข้างต้น
1. ดอลล่าร์เเละสกุลเงินอื่นๆยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหรือไม่
2. ดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ใกล้ศูนย์เเละยังไม่มีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยใช่หรือไม่
3. Sentiment เหตุการณ์ทั่วโลกยังคงตึงเครียด เเละตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจนความไม่เเน่นอนเเละความวิตกกังวลยังคงปกคลุมอยู่ใช่หรือไม่
ถ้ายังตอบว่าใช่ทั้งสามข้อไม่เปลี่ยนเเปลง
เราจะสามารถถือทองคำได้ในระยะยาวโดย “ไม่กลัว” ครับ
++++++++++++++++++++